Home » » โลกหลังความตายมีจริงไหม

โลกหลังความตายมีจริงไหม




คำถามนี้ทุกคนคงเคยได้ยินมานับไม่ถ้วนว่ามันมีจริงหรือไม่ ? บ้างก็บอกว่ามี บ้างก็บอกว่าไม่มีหรอก ถ้ามีจริง เอามาให้ดูหน่อยสิ  ความจริงมันก็พิสูจน์ได้นะครับ ว่ามีหรือไม่ โดยมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี 

1. ฝึกสมาธิ

2. ตาย  


ก็อยู่ที่ว่าท่านจะเลือกแบบไหน ถ้าเลือกแบบที่แรก เมื่อพบเห็นแล้วสามารถ กลับตัวเป็นคนใหม่ได้  แต่ถ้าเลือกแบบ 2 เห็นแน่นอน แต่หมดโอกาสที่จะกลับตัว แต่บางคนบอกว่าไม่อยากฝึกทั้งสมาธิ และทั้งตาย....  อันนี้ก็ได้ครับ ผมจะขอยกเรื่องราวของ พระยาปายาสิ ถาม พระมหากุมารกัสสปเถระ ว่าท่านจะมีคำตอบกับเรื่องนี้ยังไร  โดยให้ชื่อตอนว่า พระยาปายาสิพิสูจน์โลกหลังความตาย


เรื่องมีอยู่ว่า สมัยหนึ่ง พระมหากุมารกัสปะเถระ มาพร้อมด้วยหมู่ภิกษุจำนวน 500 รูป เดินทางไปเมืองเสตัพยนคร มีพระยาปายาสิเป็นผู้ดูแลเมือง เมื่อพระยาท่านรู้ว่า พระกุมารกัสสปะเถระ เดินทางมาถึงเมืองของท่าน ก็ตั้งใจที่จะมาสนทนาสอบถามเรื่องโลกหน้ามีจริงหรือไม่ จึงได้เดินทางมาสอบถามท่าน ตอนนี้จะเป็นตอนสนทนาระหว่างท่านทั้งสอง โดยจะนำมาให้ฟังบางตอนเนื่องจากการสนทนานั้นยาวมาก





พระยาปายาสิ : โลกอื่นมีหรือไม่ ?


พระกุมารกัสปะเถระ : มี มหาบพิตร
 

พระยาปายาสิ :ข้าพเจ้าว่าไม่มี


 พระกุมารกัสปะเถระ : ขอเรียนถามมหาบพิตร พระอาทิตย์ พระจันทร์ เป็นโลกนี้ หรือ โลกอื่น


พระยาปายาสิ : เป็นโลกอื่น


พระกุมารกัสปะเถระ : เมื่อเห็นอยู่เช่นนี้ เหตุไฉนจึงตรัสว่าโลกอื่นไม่มี





พระยาปายาสิ : ข้าพเจ้าเคยสั่เสียกับญาติ ขณะที่เขากำลังจะตายว่า ถ้าตายแล้วไปตกนรก หรือ ขึ้นสวรรค์ ก็ขอให้กลับมาบอกด้วย แต่ก็ไม่มีใครกลับมาบอกสักคนเลย ถ้าโลกหน้ามีจริง ทำไมเห็นมีใครกลับมาบอกข้าพเจ้าเลย



พระกุมารกัสปะเถระ : ธรรมดาว่า ถ้าท่านจับโจรผู้ก่อคดีร้ายแรงไว้ได้ และโจรขอร้องท่านว่าให้ปล่อยไป วันสองวัน เพื่อกลับไปส่งข่าวให้ญาติทราบ ท่านจะยอมปล่อยตามที่โจรขอไหม


พระยาปายาสิ : ไม่ปล่อยแน่นอน ขืนปล่อยไปโจรก็หนี้ไม่กลับมาแน่


พระกุมารกัสปะเถระ : ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่ทำกรรมชั่วไปตกนรกแล้ว จะขออนุญาตกับท้าวยมบาลกลับมาส่งข่าวให้ท่าน ย่อมเป็นไปไม่ได้ อนึ่ง บุคคลที่ตกไปในหลุมอุจจาระ เมื่ออาบน้ำเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อใหม่แล้ว ท่านคิดว่า บุคคคลนั้นจะกลับไปลงหลุมนั้นอีกไหม


พระยาปายาสิ :ไม่แน่นอน พระคุณเจ้า


พระกุมารกัสปะเถระ : ฉันใดฉันนั้น ผู้ที่ทำกรรมดีเมื่อได้ไปเกิดในสวรรค์ ได้เสวยทิพยสมบัติที่ละเอียดประณีต โลกมนุษย์เราย่อมเป็นดุจหลุมอุจจาระสำหรับเทวดา จึงไม่มีใครกลับมาบอกท่าน วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรค์เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์ หากเทพที่เป็นญาติท่านนั้น คิดที่ว่าจะเสวยทิพยสมบัติสักสองวันก่อน แล้วค่อยกลับมาบอก ถึงเวลานั้นท่านจะเป็นเช่นไร


พระยาปายาสิ : ก็คงตายไปแล้ว พระคุณเจ้า

พระยาปายาสิ :  เราเคยให้ทหารจับนักโทษประหารขังไว้ในตุ่มแล้วฉาบฝากปิด ต้นบนเตา เมื่อรู้ว่าเขาตายแล้วก็ยกลง แล้วเปิดฝากออกเพื่อจะดูวิญญาณของผู้นั้นจะออกทางใด แต่ก็ไม่เห็น แสดงว่าคนตายแล้วสูญ ไม่มีอะไรไปเกิดโลกหน้า


พระกุมารกัสปะเถระ : ท่านเคยนอนหลับกลางวันแล้วฝันว่าไปที่นั้นที่นี้มาไหม


พระยาปายาสิ : เคย พระคุณเจ้า 


พระกุมารกัสปะเถระ : แล้วนางกำนัล ทหารอารักขา เห็นวิญญานท่านออกไปหรือไม่


พระยาปายาสิ : ไม่เห็น พระคุณเจ้า 



พระกุมารกัสปะเถระ : ขนาดคนเป็นยังไม่สามารถที่จะเห็นวิญญาณของคนเป็นด้วยกัน จะกล่าวไปไยถึงคนเป็นจะเห็นวิญญาณของคนที่ตายแล้วเล่า



อันนี้ก็เป็นการสนทนาของท่านทั้งสองบางตอนเพียงเท่านั้น ถ้าเกิดยังมีบางท่านก็คงยังไม่เชื่อเรื่องโลกหน้าอีก ก็เป็นความคิดเห็นของท่านที่จะไม่เชื่อก็ได้ ไม่มีใครห้าม แต่โลกหน้าจะมีหรือไม่ ก็ขอให้ท่านอยู่บนพื้นฐานแห่งความดี เป็นการลงทุนที่ไม่สูญเปล่า ถ้าโลกหน้าดันมีจริงขึ้นมา ท่านก็ยังมีบุญเหลืออยู่.......... 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น